/

/

“Reshoring” คืออะไร? ทำไมแบรนด์ไทยถึงหันมาสั่งผลิตซองฟอยล์ในประเทศมากขึ้น โดย KAELYNPACKAGE

“Reshoring” คืออะไร? ทำไมแบรนด์ไทยถึงหันมาสั่งผลิตซองฟอยล์ในประเทศมากขึ้น โดย KAELYNPACKAGE

ในยุคที่ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกเผชิญกับความไม่แน่นอนจากวิกฤตเศรษฐกิจ สงครามการค้า และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แนวคิด “Reshoring” หรือการย้ายการผลิตกลับมาที่ประเทศต้นทาง กำลังกลายเป็นกลยุทธ์หลักสำหรับธุรกิจทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตในอาเซียน “Reshoring” ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยง แต่ยังส่งเสริมความยั่งยืนและการควบคุมคุณภาพ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อย่างซองฟอยล์ (Foil Pouches) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอาหาร ยา และสินค้าอุปโภคบริโภค แบรนด์ไทยจำนวนมากเริ่มหันมาสั่งผลิตซองฟอยล์ในประเทศมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ บริษัท KAELYNPACKAGE ผู้เชี่ยวชาญด้านบรรจุภัณฑ์คุณภาพสูง มุ่งมั่นสนับสนุนแนวโน้มนี้ โดยพัฒนาซองฟอยล์ที่ผลิตในไทยเพื่อตอบโจทย์ความรวดเร็ว ความยั่งยืน และต้นทุนที่แข่งขันได้ ในบทความนี้ เราจะพาท่านผู้อ่านทำความเข้าใจว่า “Reshoring” คืออะไร และเหตุผลที่ทำให้แบรนด์ไทยหันมาสั่งผลิตซองฟอยล์ในประเทศมากขึ้นอย่างละเอียด เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถปรับตัวและเติบโตในสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โลกธุรกิจได้เผชิญกับบททดสอบครั้งใหญ่ที่สั่นคลอนความเชื่อเดิมๆ เกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เราต่างเคยเห็นภาพข่าวตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน, ค่าขนส่งทางเรือพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์, และโรงงานในต่างประเทศต้องปิดตัวชั่วคราวจากสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เหตุการณ์เหล่านี้ได้มอบบทเรียนราคาแพงให้กับธุรกิจทั่วโลก และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ครั้งสำคัญที่เรียกว่า “Reshoring” (รี-ชอ-ริ่ง)

เทรนด์นี้ส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจของผู้ประกอบการไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการจัดหา “บรรจุภัณฑ์” อย่างซองฟอยล์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ วันนี้ KAELYNPACKAGE จะพาไปเจาะลึกว่า Reshoring คืออะไร และทำไมมันจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้แบรนด์ไทยที่มองการณ์ไกล หันกลับมาให้ความไว้วางใจผู้ผลิตในประเทศมากขึ้น

"Reshoring" คืออะไร? แนวคิดและที่มาของการย้ายฐานการผลิตกลับบ้าน

“Reshoring” หรือที่เรียกอีกชื่อว่า “Onshoring” คือกระบวนการย้ายการผลิต การประกอบ หรือห่วงโซ่อุปทานกลับมาที่ประเทศต้นทาง จากฐานการผลิตในต่างประเทศที่เคยย้ายไปเพื่อลดต้นทุนแรงงานและวัตถุดิบ แนวคิดนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงปี 2010s หลังจากวิกฤตการเงินโลกปี 2008 และเร่งตัวขึ้นอย่างมากในช่วงโควิด-19 ที่เผยให้เห็นจุดอ่อนของการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานต่างประเทศ เช่น การขาดแคลนชิปและวัตถุดิบจากจีน ตามรายงานจาก McKinsey Global Institute การ reshoring สามารถลดความเสี่ยงด้านโลจิสติกส์ได้ถึง 20-30% และเพิ่มความยืดหยุ่นในการตอบสนองตลาดท้องถิ่น

ในบริบทของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ Reshoring หมายถึงการย้ายการผลิตซองฟอยล์จากโรงงานต่างประเทศ (เช่น จีนหรือเวียดนาม) กลับมาที่ไทย เพื่อควบคุมคุณภาพ ลดเวลาการส่งมอบ และปรับแต่งผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการเฉพาะของตลาดไทย เช่น ซองฟอยล์ที่ทนต่อความชื้นสูงในสภาพอากาศร้อนชื้น แนวโน้มนี้สอดคล้องกับ “Nearshoring” ซึ่งเป็นการย้ายใกล้ชิดมากขึ้นในภูมิภาคอาเซียน โดยประเทศไทยกำลังกลายเป็นจุดหมายหลัก เนื่องจากมีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและแรงงานที่มีทักษะสูง

Reshoring ไม่ใช่แค่การย้ายโรงงาน แต่รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีท้องถิ่น การฝึกอบรมแรงงาน และการสร้างพันธมิตรกับผู้ผลิตในประเทศ เพื่อให้ห่วงโซ่อุปทานสั้นลงและยั่งยืนมากขึ้น ในปี 2568 (ค.ศ. 2025) แนวโน้มนี้คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคการผลิตที่ได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าและการกีดกันทางการค้า

ทำไมแบรนด์ไทยถึงหันมาสั่งผลิตซองฟอยล์ในประเทศมากขึ้น?

ในช่วงปี 2567-2568 แบรนด์ไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหาร ยา และเครื่องสำอาง เริ่มหันมาสั่งผลิตซองฟอยล์ในประเทศมากขึ้น โดยตลาดบรรจุภัณฑ์ยืดหยุ่นในไทยคาดว่าจะเติบโตจาก 15.71 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 เป็น 19.54 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2573 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 4.46% เหตุผลหลักที่ผลักดันแนวโน้ม Reshoring สำหรับซองฟอยล์มีดังนี้:

  1. ลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และภาษีนำเข้า: สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ที่คาดว่าจะกลับมาปี 2569 ทำให้ต้นทุนนำเข้าซองฟอยล์จากต่างประเทศสูงขึ้น 5-10% โดยเฉพาะจากภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นสำหรับสินค้าจากเอเชีย แบรนด์ไทยจึงหันมาผลิตในประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนนี้ โดยประเทศไทยมีข้อได้เปรียบจาก BOI (คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน) ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการผลิตบรรจุภัณฑ์ท้องถิ่น นอกจากนี้ การ reshoring ยังช่วยลดผลกระทบจาก CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ของสหภาพยุโรปที่เริ่มบังคับใช้ปี 2568 ซึ่งเก็บภาษีคาร์บอนจากสินค้านำเข้าที่มี emission สูง
  2. ความยั่งยืนและการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์: แบรนด์ไทย โดยเฉพาะผู้ส่งออกอย่าง Thai Union กำลังเผชิญแรงกดดันจากผู้บริโภคและกฎหมายให้ใช้บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน ซองฟอยล์หลายชั้น (Multilayer Pouches) เป็นความท้าทายเพราะยากต่อการรีไซเคิล แต่การผลิตในประเทศช่วยให้ควบคุมวัสดุได้ดีขึ้น เช่น ใช้วัสดุรีไซเคิลหรือชีวภาพที่ผลิตในไทย ลดการขนส่งทางไกลซึ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 10-20% รายงาน Sustainable Packaging Progress Report 2025 ระบุว่าบริษัทไทยกำลังเร่งเปลี่ยนไปใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ โดย reshoring ช่วยให้ปรับเปลี่ยนได้รวดเร็วและต้นทุนต่ำกว่า
  3. ความรวดเร็วในการส่งมอบและการปรับแต่ง: วิกฤตโควิด-19 ทำให้แบรนด์ไทยตระหนักถึงปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบจากต่างประเทศ การผลิตซองฟอยล์ในไทยช่วยลดเวลาส่งมอบจาก 4-6 สัปดาห์เหลือ 1-2 สัปดาห์ และปรับแต่งได้ตามความต้องการเฉพาะ เช่น ซองสำหรับอาหารฮาลาลหรือ ready-to-eat ที่กำลังบูมในตลาดส่งออก โดยตลาดบรรจุภัณฑ์ยืดหยุ่นในไทยคาดว่าจะเติบโตจากความต้องการสูง-barrier pouches สำหรับอาหารฮาลาลและ RTE ที่คาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 1.75 ล้านล้านบาทในปี 2568
  4. การเติบโตของอุตสาหกรรมและแรงงานท้องถิ่น: ภาคการผลิตไทยกำลังฟื้นตัว โดย PMI (Purchasing Managers’ Index) อยู่ที่ 52.7 ในเดือนสิงหาคม 2568 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน ส่งผลให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นและการลงทุนในเทคโนโลยี AI และ automation ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตซองฟอยล์ นอกจากนี้ การ reshoring ยังสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยคาดว่าอุตสาหกรรมไทยจะเติบโตเฉลี่ย 2.8% ต่อปีในช่วง 2568-2570
  5. นวัตกรรมและความท้าทายด้านความยั่งยืน: การผลิตในประเทศช่วยให้แบรนด์ไทยสามารถพัฒนาซองฟอยล์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ซองที่รีไซเคิลได้หรือใช้พลังงานหมุนเวียน ซึ่งตอบโจทย์เทรนด์ global manufacturing ที่เน้น diversification และ nearshoring อย่างไรก็ตาม ความท้าทายคือการเปลี่ยน multilayer pouches ให้ยั่งยืนมากขึ้น ซึ่ง reshoring ช่วยให้ทดลองและปรับปรุงได้รวดเร็ว

ข้อได้เปรียบของการ 'ผลิตในประเทศ' ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่

การตัดสินใจหันมาเลือกผู้ผลิตซองฟอยล์ในประเทศอย่าง KAELYNPACKAGE มอบข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจน:

  • ห่วงโซ่อุปทานที่สั้นและมั่นคง: ลดความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกประเทศได้อย่างสิ้นเชิง ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับบรรจุภัณฑ์ตามเวลาที่กำหนด

  • การสื่อสารที่ง่ายและรวดเร็ว: ไม่มีกำแพงด้านภาษาและเขตเวลา การพูดคุย, การให้คำปรึกษา, และการแก้ไขปัญหาต่างๆ สามารถทำได้อย่างทันท่วงที

  • ควบคุมคุณภาพได้ใกล้ชิด: คุณสามารถเข้ามาตรวจสอบคุณภาพงานพิมพ์, วัสดุ, และกระบวนการผลิตที่โรงงานได้ด้วยตัวเอง สร้างความมั่นใจในทุกขั้นตอน

  • ความเร็วและความยืดหยุ่นสูง: ระยะเวลาการผลิตสั้นกว่ามาก ทำให้คุณสามารถออกสินค้าใหม่, ปรับเปลี่ยนดีไซน์, หรือสั่งผลิตล็อตเสริมได้อย่างคล่องตัว

  • สนับสนุนเศรษฐกิจไทย: การเลือกใช้ซัพพลายเออร์ในประเทศ คือการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ, สร้างงาน, และสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมของไทย ซึ่งเป็นจุดขายด้าน CSR ที่สามารถสื่อสารไปยังผู้บริโภคได้

KAELYNPACKAGE: คำตอบของแบรนด์ไทยในยุคแห่ง Reshoring

เราภาคภูมิใจที่ได้เป็นโรงงานผู้ผลิตซองฟอยล์มาตรฐานสากลในประเทศไทย ที่พร้อมจะเป็นคำตอบให้กับกลยุทธ์ Reshoring ของคุณ

  • ลดความเสี่ยงให้ธุรกิจคุณ: การเลือกเราหมายถึงการตัดความกังวลเรื่องการขนส่งระหว่างประเทศ, อัตราแลกเปลี่ยน, และความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลกออกไป

  • พาร์ทเนอร์ที่พูดภาษาเดียวกัน: เราเข้าใจความต้องการของตลาดไทยและพร้อมที่จะทำงานร่วมกับคุณอย่างใกล้ชิดเพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ดีที่สุด

  • คุณภาพที่พิสูจน์ได้: เรายินดีต้อนรับลูกค้าทุกท่านในการเข้ามาเยี่ยมชมกระบวนการผลิตของเรา เพื่อให้คุณมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานที่เรายึดถือ

โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว…โมเดลธุรกิจที่เน้นเพียง “ราคาถูกที่สุด” จากต่างประเทศ ได้ถูกแทนที่ด้วยกลยุทธ์ที่เน้น “ความยืดหยุ่น, ความมั่นคง, และการควบคุมได้” การเลือกผลิตบรรจุภัณฑ์ในประเทศจึงไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คือการตัดสินใจที่ชาญฉลาดเพื่อสร้างธุรกิจที่พร้อมรับมือกับทุกความท้าทายในอนาคต

บริการของเรา : การออกแบบเฉพาะตัว วัสดุรักษ์โลก เทคโนโลยีพิมพ์คุณภาพสูง และโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่

ติดต่อ Kaelynpackage เพื่อซองแพคเกจจิ้งในฝันของธุรกิจ

การย้ายการสั่งผลิตซองฟอยล์กลับสู่ประเทศไทยไม่ได้หมายถึงการยอมรับต้นทุนที่สูงขึ้น แต่หมายถึงการเลือก ความมั่นคง และ ความน่าเชื่อถือ ในห่วงโซ่อุปทาน

KAELYNPACKAGE พร้อมเป็นพันธมิตรที่ตอบโจทย์กลยุทธ์ Reshoring ของคุณ ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ทันสมัยและมาตรฐานการผลิตระดับสากล ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับซองฟอยล์คุณภาพสูงในราคาที่สมเหตุสมผล โดยปราศจากความเสี่ยงและความล่าช้าจากการผลิตในต่างประเทศ

ติดต่อเราได้ที่ :
• เว็บไซต์ : kaelynpackage.com
• เบอร์โทร : 063-6326-146
• LINE@ : คลิกที่นี่ เพื่อขอใบเสนอราคา

สร้างห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งและคล่องตัวให้กับแบรนด์ของคุณ…เริ่มต้นจากการเลือกพันธมิตรผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ในประเทศที่ไว้วางใจได้ ปรึกษา KAELYNPACKAGE วันนี้

Share this post

บทความเพิ่มเติม