ถุงบรรจุภัณฑ์สำหรับบรรจุอาหาร มีหลายหลายชนิด เช่น PET, PP, PE, IPP, OPP, HDPE, LDPE, Foil, Aluminum foil ซึ่งวัสดุในแต่ละชนิดนี้ มีลักษณะและรูปแบบการทำงานที่ไม่เหมือนกัน บางชนิดไม่เหมาะกับอาหารที่มีความร้อนสูง หรือมีความเย็นต่ำ หรืออาหารบางชนิดไม่สามารถโดนแสงแดดได้เป็นต้น เพราะฉะนั้นการเลือกใช้ถุงบรรจุภัณฑ์อย่างถูกต้อง จะช่วยให้ผลิตภัฑณ์หรืออาหารของคุณ น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น
1. ถุงพลาสติก ที่นิยมนำผลิตเป็นถุงบรรจุภัณฑ์คือ
- PET หรือ PETE (Polyethylene Terephthalate)
- HDPE (พลาสติกชนิดความหนาแน่นสูง)
- LDPE (พลาสติกชนิดความหนาแน่นต่ำ)
- PP (Polypropylene)
- PE (Polyethylene)
- IPP (Inject polypropylene)
- OPP (Oriented polypropylene)
ซึ่งลักษณะถุงพลาสติก ที่เห็นได้ตามท้องตลาดคือ พลาสติกจะมีความใส ใสปานกลาง ใสมาก หรือพลาสติกขุ่น และแตกต่างกันที่ความหนา ยิ่งหนามากๆพลาสติกก็จะมีความขุ่น
ยกตัวอย่างเช่น ถุงซิปล็อค พลาสติกใส ถุงชนิดนี้มีลักษณะใสปานกลาง-ใสมาก ถุงลักษณะนี้เหมาะสำหรับใส่อาหารแห้ง ใส่อาหารพร้อมรับประทาน ใส่อาหารที่สามารถโดดแสงได้ และสำหรับใส่อาหารที่มีการแพ็คแยกชิ้นไว้แล้ว
2. ฟอยล์ และ ฟอยล์อลูมิเนียม ถือเป็นวัสดุที่นิยมนำมาผลิตเป็นถุงบรรจุภัณฑ์
ฟอยล์ จะมีชนิดที่นิยมใช้คือ ฟอยล์เมทัลไลท์ หรือ MPET และ ถุงฟอยด์อลูมิเนียม ซึ่ง 2 ชนิดนี้จะมีความแตกต่างกันที่ความหนา ตัวฟอยด์อลูมิเนียมจะมีความหนามากกว่า และทึกแสงได้ดีกว่า และรูปแบบบรรจุภัณฑ์ก็มีหลากหลายชนิด เช่น ถุงฟอยล์ทึบ ถุงหน้าใสหลังฟอยล์ ถุงฟอยล์เปิดช่องสำหรับโชว์สินค้า
ยกตัวอย่างเช่น ถุงฟอยล์ทึบ ถุงชนิดนี้จะ 2 รูปแบบ คือ ถุงฟอยล์ทึบเมทัลไลท์ และ ถุงฟอยล์ทึบอลูมิเนียม แตกต่างกันที่ความหนา ถุงฟอยล์ทึบอลูมิเนียม สามารถเก็บรักษาอากาศ ความชื้น ป้องกันแสงได้ดีกว่า เหมาะสำหรับอาหารที่ต้องเก็บรักษา เช่น อาหารอบกรอบ อาหารทอด คอลลาเจน เป็นต้น